เบี้ยประกันอัคคีภัยบ้านของแต่ละบริษัทประกันนั้นไม่เท่ากัน แต่โดยทั่วไปแล้ว เบี้ยประกันต่อปีจะคิดประมาณ 0.1% จากทุนประกัน เช่น ต้องการทุนประกันบ้านราคา 3 ล้านบาท ผู้ซื้อก็ต้องจ่ายเบี้ยประกัน 3,000 บาทต่อปี โดยเบี้ยประกันอัคคีภัยบ้านจะถูกลง หากซื้อประกันให้ครอบคลุมต่อเนื่อง 2-3 ปี
แต่ในทางกลับกัน เบี้ยประกันบ้านจะแพงขึ้น หากผู้ซื้อต้องการความคุ้มครองอื่นนอกจากเหตุเพลิงไหม้ เช่น ต้องการให้ประกันคุ้มครองความเสียหายจากอุทกภัย (น้ำท่วม) หรือความเสียหายจากการโจรกรรม โดยผู้ซื้อสามารถขอให้บริษัทประกันออกแบบความคุ้มครองได้ตามความต้องการ
ต้องทำประกันอัคคีภัยบ้านกับใคร
ตามปกติแล้ว เมื่อมีการตกลงทำสัญญากู้ซื้อบ้าน ธนาคารเจ้าของสัญญาจะเป็นผู้เสนอประกันอัคคีภัยบ้านจากบริษัทในเครือหรือพันธมิตรของตนเอง และให้ผู้ซื้อทำสัญญาพร้อมกันในคราวเดียว แต่ถ้ารู้สึกว่าประกันบ้านที่ธนาคารเสนอมีเงื่อนไขที่ไม่ดีพอ ผู้ซื้อก็สามารถเลือกทำประกันกับบริษัทอื่นได้ แต่ธนาคารเจ้าของสัญญาจะต้องเป็นผู้รับผลประโยชน์จากประกันนั้น ธนาคารเจ้าของสัญญาจึงยอมรับได้
ควรเลือกประกันอัคคีภัยบ้านอย่างไร
ตามกฎหมายประกันอัคคีภัยบ้าน หากมีความเสียหายที่อยู่ในความคุ้มครองของประกันประเภทนี้ ผู้ซื้อจะได้รับสินไหมทดแทนตามมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง แต่ไม่เกินมูลค่าของที่อยู่อาศัยและทุนประกัน ดังนั้น ผู้ซื้อไม่จำเป็นต้องทำประกันเกินมูลค่าบ้านแต่อย่างใด เช่น บ้านราคา 3 ล้านบาท แต่เลือกทุนประกัน 5 ล้านบาท หากเกิดความเสียหายทั้งหมด ก็จะได้รับสินไหมทดแทนสูงสุดเพียง 3 ล้านบาทเท่านั้น
แต่ทั้งนี้ ผู้กู้ก็ควรเลือกทุนประกันที่คุ้มครองไม่น้อยกว่า 70% ของมูลค่าบ้าน เช่น บ้านราคา 3 ล้านบาท ก็ควรเลือกทุนประกันอย่างน้อย 2.1 ล้านบาท หากเกิดความเสียหาย ผู้ซื้อก็จะได้สินไหมทดแทนเต็ม 100% จากมูลความเสียหายที่ไม่เกินทุนประกัน แต่ถ้าเลือกทุนประกันต่ำกว่านั้น สินไหมทดแทนจะลดลงตามสัดส่วนของทุนประกัน เช่น เลือกทุนประกัน 60% หากเกิดความเสียหาย ก็จะได้รับสินไหมทดแทนเพียง 60% จากมูลค่าความเสียหายที่ไม่เกินทุนประกันเท่านั้น
ประกันอัคคีภัยบ้านถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยคุ้มครองความเสียหายของบ้านเมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้ และยังเป็นประกันวินาศภัยที่คุ้มค่า ด้วยเบี้ยประกันอัคคีภัยบ้านเพียงล้านละหลักพันเท่านั้น ไม่ว่าจะบ้านเก่าหรือบ้านใหม่